นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำ ที่มีเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมานานกว่า 1800 ปี หลักฐานทางโบราณคดี และหลักฐานทางเอกสารที่ปรากฏในขณะนี้ยืนยันได้ ว่านครศรีธรรมราช มีกำเนิดมาแล้วตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 เป็นอย่างน้อย เมื่อพิจารณาการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นผลงานสร้างสรรค์ (Work) เป็นสมบัติ (Asset) ทางวัฒนธรรมของจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเห็นว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่มีพื้นฐานมาจากความเจริญรุ่งเรืองทางศาสนา ทั้งพุทธ พราหมณ์ คริสต์และอิสลาม ก่อเกิดชุมชนที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ศาสานา และเชื้อชาติที่ผสมผสานกลมกลืนกัน อีกทั้งนครศรีธรรมราชยังเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรม และมีมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการสะสมมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับเป็นทรัพยากรวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2559) อย่างไรก็ตามการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมนครศรีธรรมราช ยังมีประเด็นที่ควรพิจารณาหลายประการ คือ (1) การจัดการความรู้มรดกทางวัฒนธรรม อันเกี่ยวข้องกับสื่อ คลังความรู้ และแหล่งเรียนรู้ดิจิทัลนั้น มักจะมุ่งเน้นการศึกษาแบบแยกส่วน มากกว่าที่จะพิจารณาการบูรณาการเพื่อนำไปสู่การทำงาน การให้บริการร่วมกัน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามหน่วยงานในลักษณะของการให้บริการแบบเปิด (Open Data) เป็นต้น (2)  แม้ประวัติศาสตร์แห่งเมืองนครศรีธรรมราชจะยาวนานกว่า 8 ศตวรรษ แต่ทว่าเรื่องเล่า เรื่องราว ความฝัน ความทรงจำ และร่องรอยหลักฐานต่างๆ โดยใช้วิธีการศึกษาจากคำบอกเล่า (Oral History) ของชุมชนยังมีไม่มากนัก (3) ข้อมูล/สารสนเทศ/ความรู้มรดกวัฒนธรรมเหล่านี้ยังแยกออกจากกัน ด้วยข้อจำกัดต่างๆไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ข้อกฏหมาย ความเป็นปัจเจกสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ขาดความน่าสนใจที่จะเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชุมชนและท้องถิ่น และ (4) ขาดนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบูรณาการและเชื่อมโยงการความรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของภาคประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล/สารสนเทศ/ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกมิติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องพัฒนาปัจจัยพื้นฐานทางด้านการจัดการดิจิทัลคอนเท็นต์ รวมไปถึงการจัดทำโปรแกรมประยุกต์ (Application) ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มคนทางสังคม (Social Network) ที่ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างภาคประชาชน หน่วยงาน และผู้คนทั่วไปที่สนใจ

                โครงการจัดการข้อมูลความทรงจำนครศรีธรรมราชเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจึงพัฒนาขึ้นเพื่อบูรณาการข้อมูลมรดกทางวัฒนธรรมฯ และรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์เรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่มีความหมายของผู้คนที่มีรหัสทางวัฒนธรรมเดียวกัน โดยเฉพาะหากพิจารณาถึงการบันทึกภาพถ่ายตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ภาพบุคคล ภาพเหตุการณ์ และภาพสถานที่ ซึ่งภาพถ่ายส่วนใหญ่ของชุมชนมีการจัดเก็บไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างกระจัดกระจาย เช่น จัดเก็บไว้ที่วัด โรงเรียน หอจดหมายเหตุ พิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ อีกประเด็นสำคัญ คือ ภาพถ่ายจำนวนมากมีการจัดเก็บไว้ที่ตัวบุคคล ซึ่งอาจเป็นภาพที่ถ่ายขึ้นเอง หรือภาพถ่ายที่มีการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นและไม่ได้เผยแพร่ได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากไม่มีช่องทางการเผยแพร่ภาพถ่ายที่สะดวกและรวดเร็วด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภาพถ่ายของนครศรีธรรมราชไม่สามารถเผยแพร่และถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์

                ดังนั้นการดำเนินงานโครงการฯ นี้จึงเป็นแนวทางหนึ่งของการเผยแพร่ความทรงจำดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการเผยแพร่ให้อยางเหมาะสม เพื่อให้การเผยแพร่ความรู้มรดกทางวัฒนธรรมสามารถกระจายไปสู่กลุ่มคนบนเครือข่ายสังคมได้อย่างรวดเร็ว (Virality) นอกจากนี้การดำเนินงานและความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในโครงการฯ ดังกล่าวนี้ นอกจากจะช่วยให้หน่วยบริการภาครัฐได้มีโอกาสเรียนรู้ ติดตาม และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ แล้ว กระบวนการทำงานบนพื้นฐานของการจัดการสารสนเทศดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยปรับเปลี่ยนและเพิ่มคุณภาพการทำงานและให้บริการของภาครัฐอีกด้วย ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อไปในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกัน อันเป็นเป้าหมายสำคัญของแผนบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะเอื้อต่อการให้บริการสารสนเทศภาครัฐต่อภาคประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป