ความทรงจำ (Memory)

             เรื่องราวในอดีตที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นสิ่งที่หล่อหลอม และสร้างตัวตนของมนุษย์ให้เติบโตขึ้นในสังคมที่อยู่ภายใต้เรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆที่เชื่อมโยงกัน มนุษย์เรียกสิ่งนี้ว่า "ความทรงจำ" ดังที่ อรรถจักร สัตยานุรักษ์ (2553) ได้อธิบายว่า ความทรงจำ (Memory) คือ เหตุการณ์ หรือสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้น ความทรงจำจะสัมพันธ์กับเวลาและสถานที่ (Time and space) เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ซึ่งบางคนอาจเรียกความทรงจำว่า ประสบการณ์ชีวิต มิใช่เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ความทรงจำเป็นประสบการณ์ชีวิตของตนเองที่ผสมผสานเข้ากับชุมชนและสังคมที่สัมพันธ์อยู่  นอกจากนี้ความทรงจำที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ และมักจะมีการเลือกเสมอ การเลือกที่ว่านั้น คือ เลือกที่จะจำและเลือกที่จะลืม
             ความทรงจำเริ่มต้นที่ระดับปัจเจก เรียกว่า ความทรงจำส่วนบุคคล (Individual memory) ซึ่งเป็นการอ้างถึงอดีตของปัจเจกบุคคล มักกล่าวถึงสิ่งที่ตนเองกระทำในเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน Connerton (2009) กล่าวว่า ความทรงจำส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปัจเจกสามารถเข้าถึงข้อเท็จจริงและอัตลักษณ์ของตนเองในอดีตที่แตกต่างจากคนอื่นได้ ความทรงจำส่วนบุคคลจะเชื่อมโยงกับความทรงจำร่วม (Collective Memory) ภายใต้บริบทสังคมที่แตกต่างกัน ความทรงจำร่วมเป็นมิติที่กว้างกว่าความทรงจำส่วนบุคคล ซึ่งเกิดจากการทำกิจกรรม หรืออยู่ในเหตุการณ์ร่วมกันของคนในสังคม ดังที่ Maurice Halbwachs (1992) ได้ระบุว่า ความทรงจำร่วมเป็นภาพตัวแทนของอดีตที่เกิดขึ้นในสังคมที่รวมสัญลักษณ์ของพิธีเฉลิมฉลอง และหลักฐานทางประวัติศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ Connerton (2009) ได้อธิบายว่า ความทรงจำร่วมทางสังคมไม่ได้มีหน้าที่รักษาแกนของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่ทำหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ของอดีตใหม่บนพื้นฐานของความเป็นปัจจุบัน 
             ความทรงจำส่วนบุคคล และความทรงจำร่วมก่อให้เกิดเอกภาพในสังคม หรือเรียกว่า “พื้นที่ความทรงจำ (sites of memory)” ซึ่งเกิดจากเรื่องราว และเหตุการณ์ของปัจเจกชนกับกลุ่มสังคมที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่และเวลา นับตั้งแต่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ภูมิทัศน์ (landscape) พรมแดนประเทศ บุคคล ในประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์ อาคาร ภาษา วรรณกรรม คำขวัญ อนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ วัตถุทางศิลปะ และสัญลักษณ์ จนถึงของที่ระลึก (Maurice Halbwach, 1992) องค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้หลอมรวมขึ้นเป็น “อาณาจักรแห่งความทรงจำ” ซึ่งถูกสร้างขึ้นแทนสิ่งที่ไม่มีอยู่ในขณะนี้อีก ทำให้ชุมชนเกิด เรื่องราวหล่อหลอมให้เกิดอัตลักษณ์ของชุมชน และถูกนำไปใช้เพื่อสร้างความเป็นชุมชน อันมีเรื่องราวความทรงจำร่วมกัน นอกจากนี้พื้นที่ความทรงจำยังเป็นภาพตัวแทนของความทรงจำในแบบรูปธรรม ที่ตรึงความทรงจำเอาไว้เพื่อให้เห็นว่าความทรงจำเหล่านั้นมีอยู่จริงโดยวิธีการผลิตซ้ำของความทรงจำ ดังที่ กนกวรรณ   ไมสนธิ์ กล่าวว่า กระบวนการหนึ่งที่จะตอกย้ำความทรงจำทางสังคม คือ การผลิตซ้ำของความทรงจำหลักผ่านการคัดสรรจากผู้มีอำนาจในการเลือกสร้างภาพตัวแทนของความทรงจำ เช่น วาทกรรมของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ชาติผ่านแบบเรียน พิธีกรรม พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ นอกจากนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่ยิ่งทำให้การผลิตซ้ำความทรงจำผ่านภาพตัวแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น
             การศึกษาเรื่องราว และเหตุการณ์ต่าง ๆที่เกิดขึ้นในชุมชนถือเป็นการศึกษาความทรงจำร่วมกันทางสังคม ซึ่งเป็นพื้นที่ความทรงจำ (sites of memory) เรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงกับเวลาและสถานที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของชุมชน ความทรงจำร่วมกันของชุมชนจะสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชน และทำให้เข้าใจคุณค่าและความหมายตัวตนของชุมชน นอกจากนี้ อรรถจักร สัตยานุรักษ์ (2553) ได้อธิบายว่า การศึกษาความทรงจำของชุมชนเป็นการมองเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ชุมชนเกิดความเข้าใจว่าสิ่งใดเป็นความสำเร็จ และความล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา และเห็นถึงความสำคัญของเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักวิจัยและนักวิชาการที่ค้นคว้าวิจัยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชุมชนได้เสนอแนวคิดที่สนับสนุนความสำคัญของการศึกษาเรื่องราวในชุมชนว่า การศึกษา ค้นคว้า และรวบรวมประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวของชุมชนเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้และความเข้าใจ “ตัวตน” ของชุมชนตั้งแต่อดีต แสดงให้เห็นว่ามีชุมชนได้อย่างไร (ศรีศักร วัลลิโภดม, 2533) รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ และเผยแพร่ความทรงจำในชุมชนเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป